Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM): ภาษีคาร์บอนข้ามพรมแดนที่ผู้ส่งออกไทยต้องรู้

CBAM คืออะไร?
CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) เป็น มาตรการทางภาษีและการรายงานคาร์บอน สำหรับสินค้านำเข้ามายังสหภาพยุโรป โดยมีหลักการสำคัญ

  • ผู้นำเข้าสินค้าเข้าสู่ EU ต้อง รายงานปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่เกิดจากการผลิตสินค้า
  • หากสินค้าเหล่านี้มีคาร์บอนสูงกว่ามาตรฐาน จะต้องจ่าย “ภาษีคาร์บอน” ตามอัตราที่กำหนด
  • มาตรการนี้ช่วยให้การแข่งขันระหว่างผู้ผลิตใน EU (ที่ต้องปฏิบัติตามกฎเข้มงวดอยู่แล้ว) และผู้ส่งออกจากนอก EU เป็นธรรมมากขึ้น

Timeline การบังคับใช้ CBAM

  • ตุลาคม 2023 – ธันวาคม 2025: Transitional Phase → ผู้นำเข้าต้องรายงานการปล่อยคาร์บอน แต่ยังไม่ต้องจ่ายภาษี
  • มกราคม 2026 เป็นต้นไป: Implementation Phase → เริ่มเก็บภาษีคาร์บอนจากผู้นำเข้าสินค้าเข้า EU

สินค้ากลุ่มแรกที่อยู่ใน CBAM

  • เหล็กและเหล็กกล้า
  • ซีเมนต์ฅ
  • ปุ๋ย
  • อะลูมิเนียม
  • ไฟฟ้า
  • ไฮโดรเจน

ในอนาคตคาดว่าจะขยายไปยังสินค้าอื่น ๆ เช่น เคมีภัณฑ์ พลาสติก และสินค้าเกษตร

ผลกระทบต่อผู้ส่งออกไทย

  • อุตสาหกรรมได้รับผลโดยตรง เหล็ก, ซีเมนต์, ปุ๋ย, เคมีภัณฑ์, อะลูมิเนียม
  • ต้นทุนเพิ่มขึ้น หากไม่สามารถพิสูจน์การปล่อยคาร์บอนต่ำได้ ผู้ส่งออกจะต้องจ่ายภาษีเพิ่ม
  • ความต้องการข้อมูลเพิ่มสูง ผู้ซื้อใน EU จะขอข้อมูล Carbon Footprint of Product (CFP) อย่างละเอียด
  • เสี่ยงเสียตลาด คู่แข่งจากประเทศที่ปรับตัวได้เร็วกว่าจะได้เปรียบ

สิ่งที่ผู้ส่งออกไทยควรทำตอนนี้

  • เริ่มเก็บและรายงานข้อมูล Carbon Footprint ของสินค้า (CFP)
  • ลงทุนในเทคโนโลยี การผลิตคาร์บอนต่ำ เช่น พลังงานหมุนเวียน
  • ทำงานใกล้ชิดกับ ซัพพลายเออร์ เพื่อให้ข้อมูล Scope 3 โปร่งใส
  • สร้างระบบ ESG Reporting ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล (GRI, IFRS S2)

CBAM คือ กฎหมายการค้าสีเขียว ที่กำลังเปลี่ยนกติกาโลกการค้า หากผู้ส่งออกไทยไม่เริ่มปรับตัวตั้งแต่ตอนนี้ อาจเสี่ยงเสียตลาดยุโรป แต่หากปรับตัวทัน นี่คือ โอกาสครั้งใหญ่ ในการยกระดับสินค้าไทยให้แข่งขันในตลาดโลกที่ยั่งยืนได้

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้