Corporate Sustainability Due Diligence Directive (CSDDD) กฎหมายใหม่ที่ธุรกิจต้องรู้ในปี 2025

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเด็นเรื่อง สิทธิมนุษยชน (Human Rights) และ ความยั่งยืน (Sustainability) ได้กลายเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจทั่วโลก โดยเฉพาะเมื่อห่วงโซ่อุปทานของบริษัทขยายตัวข้ามพรมแดนไปยังหลายประเทศ ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น การใช้แรงงานเด็ก แรงงานบังคับ หรือการทำลายสิ่งแวดล้อม กลายเป็นเรื่องที่ผู้บริโภค นักลงทุน และหน่วยงานกำกับดูแลไม่อาจมองข้าม
สหภาพยุโรป (EU) จึงได้ออกกฎหมายใหม่ชื่อว่า CSDDD (Corporate Sustainability Due Diligence Directive) เพื่อกำหนดให้บริษัทต้องมีความรับผิดชอบต่อสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมในห่วงโซ่อุปทานทั้งหมด
CSDDD (Corporate Sustainability Due Diligence Directive) เป็นกฎหมายที่ EU ประกาศใช้ โดยมีเป้าหมายให้บริษัท

  • ตรวจสอบ (Due Diligence) ความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมในกิจกรรมของตนเองและห่วงโซ่อุปทาน
  • ป้องกัน (Prevent) และ แก้ไข (Mitigate) หากพบการละเมิด
  • รายงานอย่างโปร่งใส ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

กฎหมายนี้อิงหลักการของ UN Guiding Principles on Business and Human Rights (UNGPs) และ OECD Guidelines for Multinational Enterprises

ใครที่ต้องปฏิบัติตาม CSDDD?

CSDDD มีผลกับทั้ง บริษัทในสหภาพยุโรป และ บริษัทนอกสหภาพยุโรป ที่มีธุรกิจ/รายได้จำนวนมากใน EU

  • บริษัทใน EU มีพนักงาน > 1,000 คน และรายได้ > €450 ล้าน/ปี
  • บริษัทนอก EU (รวมถึงไทย): หากมีรายได้ > €450 ล้าน/ปี จากการทำธุรกิจใน EU ก็ต้องปฏิบัติตามเช่นกัน

นั่นหมายความว่า บริษัทไทยที่ส่งออกไปยุโรปโดยตรง หรือเป็นซัพพลายเออร์ของบริษัท EU ก็จะถูกตรวจสอบตามกฎหมายนี้ด้วย

องค์ประกอบสำคัญของ CSDDD

1.Human Rights Due Diligence (HRDD)

  • บริษัทต้องระบุความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน (เช่น แรงงานเด็ก แรงงานข้ามชาติ)
  • ประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
  • วางมาตรการป้องกัน/แก้ไข

2. Environmental Due Diligence

  • ตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจก มลพิษ การทำลายป่า
  • สอดคล้องกับ EU Green Deal และเป้าหมาย Net Zero

3. Grievance Mechanism (ระบบข้อร้องเรียน)

  • บริษัทต้องจัดทำช่องทางให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น พนักงาน แรงงานในซัพพลายเชน หรือชุมชน สามารถร้องเรียนหากถูกละเมิด

4. การเปิดเผยข้อมูล (Disclosure)

  • ต้องรายงานอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้
  • หากไม่ปฏิบัติตาม บริษัทอาจถูกปรับหรือเผชิญความเสียหายทางชื่อเสียง

ผลกระทบต่อบริษัทไทย

1. ผู้ส่งออกไทยไป EU เช่น อาหารทะเล สิ่งทอ เครื่องใช้ไฟฟ้า จะต้องเตรียมระบบ HRDD และรายงานความยั่งยืนตามมาตรฐาน EU
2. ซัพพลายเออร์ของบริษัทข้ามชาติ ที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานของยุโรป ก็ต้องปรับตัวเช่นกัน เพราะลูกค้าจะเรียกขอข้อมูล Due Diligence
3. ต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้น เช่น การตรวจสอบซัพพลายเออร์ การเก็บข้อมูล และการจัดทำรายงาน
4. แต่ในอีกมุมหนึ่ง ถือเป็น โอกาส ในการยกระดับมาตรฐาน ESG ของไทย เพื่อเข้าถึงนักลงทุนและตลาดโลก

CSDDD คือ “เกมเปลี่ยน” สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยุโรป เพราะไม่เพียงแต่บังคับใช้กับบริษัทใหญ่ใน EU แต่ยังมีผลต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก รวมถึงไทยด้วย

  • บริษัทไทยที่ส่งออกหรือเป็นซัพพลายเออร์ของยุโรป ต้องเริ่ม วางระบบ Human Rights & Environmental Due Diligence ตั้งแต่ตอนนี้
  • หากปรับตัวทัน จะไม่เพียงแต่ “ผ่านข้อกำหนดทางกฎหมาย” แต่ยังสร้าง ความน่าเชื่อถือ ความยั่งยืน และโอกาสทางการค้าใหม่ ๆ ในตลาดโลก

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้