ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเด็นเรื่อง สิทธิมนุษยชน (Human Rights) และ ความยั่งยืน (Sustainability) ได้กลายเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจทั่วโลก โดยเฉพาะเมื่อห่วงโซ่อุปทานของบริษัทขยายตัวข้ามพรมแดนไปยังหลายประเทศ ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น การใช้แรงงานเด็ก แรงงานบังคับ หรือการทำลายสิ่งแวดล้อม กลายเป็นเรื่องที่ผู้บริโภค นักลงทุน และหน่วยงานกำกับดูแลไม่อาจมองข้าม
สหภาพยุโรป (EU) จึงได้ออกกฎหมายใหม่ชื่อว่า CSDDD (Corporate Sustainability Due Diligence Directive) เพื่อกำหนดให้บริษัทต้องมีความรับผิดชอบต่อสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมในห่วงโซ่อุปทานทั้งหมด
CSDDD (Corporate Sustainability Due Diligence Directive) เป็นกฎหมายที่ EU ประกาศใช้ โดยมีเป้าหมายให้บริษัท
กฎหมายนี้อิงหลักการของ UN Guiding Principles on Business and Human Rights (UNGPs) และ OECD Guidelines for Multinational Enterprises
ใครที่ต้องปฏิบัติตาม CSDDD?
CSDDD มีผลกับทั้ง บริษัทในสหภาพยุโรป และ บริษัทนอกสหภาพยุโรป ที่มีธุรกิจ/รายได้จำนวนมากใน EU
นั่นหมายความว่า บริษัทไทยที่ส่งออกไปยุโรปโดยตรง หรือเป็นซัพพลายเออร์ของบริษัท EU ก็จะถูกตรวจสอบตามกฎหมายนี้ด้วย
องค์ประกอบสำคัญของ CSDDD
1.Human Rights Due Diligence (HRDD)
2. Environmental Due Diligence
3. Grievance Mechanism (ระบบข้อร้องเรียน)
4. การเปิดเผยข้อมูล (Disclosure)
ผลกระทบต่อบริษัทไทย
1. ผู้ส่งออกไทยไป EU เช่น อาหารทะเล สิ่งทอ เครื่องใช้ไฟฟ้า จะต้องเตรียมระบบ HRDD และรายงานความยั่งยืนตามมาตรฐาน EU
2. ซัพพลายเออร์ของบริษัทข้ามชาติ ที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานของยุโรป ก็ต้องปรับตัวเช่นกัน เพราะลูกค้าจะเรียกขอข้อมูล Due Diligence
3. ต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้น เช่น การตรวจสอบซัพพลายเออร์ การเก็บข้อมูล และการจัดทำรายงาน
4. แต่ในอีกมุมหนึ่ง ถือเป็น โอกาส ในการยกระดับมาตรฐาน ESG ของไทย เพื่อเข้าถึงนักลงทุนและตลาดโลก
CSDDD คือ “เกมเปลี่ยน” สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยุโรป เพราะไม่เพียงแต่บังคับใช้กับบริษัทใหญ่ใน EU แต่ยังมีผลต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก รวมถึงไทยด้วย