Digital Carbon Label สินค้าในอนาคตจะมี ฉลากคาร์บอน เหมือนฉลากโภชนาการ

Digital Carbon Label คืออะไร?
Digital Carbon Label คือฉลากที่ระบุปริมาณ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint of Product: CFP) ผ่านรูปแบบดิจิทัล เช่น QR Code, Barcode หรือ NFC Tag ผู้บริโภคสามารถสแกนเพื่อดูข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสินค้านั้น ๆ ได้อย่างโปร่งใส

ทำไมถึงเปรียบได้กับ “ฉลากโภชนาการ”?

• ฉลากโภชนาการ → ให้ข้อมูลที่ผู้บริโภคใช้ตัดสินใจเลือกสินค้าที่ดีต่อสุขภาพ
• ฉลากคาร์บอน → ให้ข้อมูลที่ผู้บริโภคใช้ตัดสินใจเลือกสินค้าที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม

ทั้งสองอย่างทำให้ “พลังการเลือกของผู้บริโภค” กลายเป็นแรงขับเคลื่อนให้ผู้ผลิตปรับตัว

ความสำคัญของ Digital Carbon Label
1.โปร่งใสและตรวจสอบได้ ลดโอกาส Greenwashing เพราะข้อมูลมาจากมาตรฐานการวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์
2.เพิ่มมูลค่าสินค้า แบรนด์ที่มีฉลากคาร์บอนสร้างความเชื่อมั่นและได้เปรียบในการแข่งขัน
3.ตอบโจทย์กฎระเบียบสากล  สหภาพยุโรปและหลายประเทศเริ่มผลักดันให้มีการเปิดเผยข้อมูลคาร์บอนของผลิตภัณฑ์
4.ส่งเสริมการบริโภคอย่างยั่งยืน ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบสินค้า เช่น เลือกน้ำดื่มที่มีการปล่อยคาร์บอนต่ำกว่า

สถานการณ์ในประเทศไทยและต่างประเทศ
ต่างประเทศ: แบรนด์ใหญ่ เช่น Nestlé, Unilever, IKEA, Microsoft เริ่มทดสอบฉลากคาร์บอนบนผลิตภัณฑ์บางชนิดแล้ว
ประเทศไทย: องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) มีโครงการ ฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (CFP Label) อยู่แล้ว และมีแนวโน้มที่จะพัฒนาไปสู่ Digital Carbon Label เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น

ในอนาคตอันใกล้ การเลือกซื้อสินค้าอาจไม่ได้ดูแค่ “หวาน มัน เค็ม” เหมือนบนฉลากโภชนาการ แต่จะมี “ตัวเลขคาร์บอน” ที่สะท้อนผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมร่วมด้วย Digital Carbon Label จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคมุ่งสู่ เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Economy) อย่างแท้จริง